เกี่ยวกับเรา โปรโมชั่น ระบบเทรด โบรคเกอร์ คลังความรู้ แนวทางการเทรด ข่าวเศรษฐกิจ การเรียนการสอน คำถามที่พบบ่อย ติดต่อเรา สมัครตัวแทน !!

คำถามที่พบบ่อย

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

++ เราต้องการช่วยเหลือนักเทรดให้พบวิธีการเทรดที่เข้าใจง่ายและปลอดภัยจากความเสี่ยงในการเทรด
ด้วยทีมโค้ช ทีมอาจารย์มากประสบการณ์ในตลาดที่จะคอยให้ความรู้และเทรนนิ่งกันอย่างต่อเนื่อง
และทีมงานที่คอยดูแลซัพพอร์ทในทุกๆเรื่องอย่างเป็นระบบ

 

 ตลาด Forex มีข้อดีหลายประการ ดังต่อไปนี้
- เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกและจะยังคงเติบโตต่อไปอย่างรวดเร็ว
- การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ(internet)อย่างแพร่หลาย ทำให้ทุกคนสามารถใช้บริการ และดำเนินธุรกิจนี้ได้อย่างสะดวกสบาย

++Forex (ฟอเร็กซ์) ย่อมาจากคำว่า Foreign Exchange Market  คือ ตลาดเงินตราต่างประเทศ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก การซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจะทำโดยธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์แบงก์ สามารถทำได้โดยธนาคารใหญ่ ๆ ของแต่ล่ะประเทศเท่านั้น ต่อมาในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 คือในปี ค.ศ.1990 ได้มีการเทรดสกุลเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิค โดยผ่านบริษัทโบรกเกอร์ที่มีแพลตฟอร์มเทรดแบบออนไลน์ และก็เป็นแบบเรียลไทม์ จึงทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก ได้โดยตรง แต่คำสั่งการซื้อขายยังคงทำผ่านโบรกเกอร์ อย่างเช่นส่งคำสั่งซื้อ-ขาย ผ่านระบบข้อความในมือถือไปยังพนักงานของบริษัทโบรกเกอร์ จากนั้นพนักงานจึงนำคำสั่งซื้อ-ขาย ดังกล่าวกรอกลงในระบบของบริษัท โดยระบบของบริษัทมีการเชื่อมต่อไปยังศูนย์กลางของตลาดหลักทรัพย์โดยตรง

การลงทุนสามารถทำการซื้อ-ขาย ออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่มีความเสถียรสูง นักลงทุนสามารถสมัครเปิดบัญชีกับ Broker ต่างประเทศตามเว็บไซต์ต่างๆ ที่มีให้บริการ อีกทั้งอุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิคส์มีความทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แฟบเล็ต ฯลฯ ที่รองรับระบบปฏิบัติการ windows, android หรือ ios หากมีอุปกรณ์ดังกล่าวก็สามารถเทรดออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม(โปรแกรม MetaTrader 4,5) ได้อย่างสบาย

++ เวลาเปิดปิดซื้อขายของตลาด Forex เป็นข้อมูลที่นักเทรดมือใหม่ต้องรู้  เพราะในตลาด forex เวลาทำการซื้อขาย จะต่างจากตลาดหุ้นทั่วไป เนื่องด้วยตลาด Forex จะเกี่ยวข้องกับสกุลเงินแต่ละประเทศ และไม่มีศูนย์กลาง  ทำให้ตลาด Forex เปิดทำการซื้อ-ขาย ได้ตลอด 24 ช.ม.ในวันจันทร์-ศุกร์ หยุดวันเสาร์-อาทิตย์  ยกเว้น สกุลเงินดิจิตอล Bitcoin (BTCUSD) ที่บางโบรกเกอร์เปิดให้สามารถซื้อขายวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ได้

++  การพนัน คือการตัดสินใจโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้อะไรมากมาย ความเสี่ยงที่จะได้หรือเสีย ขึ้นอยู่กับดวงเป็นหลัก ไม่ต้องใช่ความสามารถอะไร!!

++ แต่การเก็งกำไร (เทรด) ในตลาดฟอร์เร็กซ์ มันต้องใช้ปัจจัยหลายๆ อย่างเชื่อมโยงกัน โอกาสได้หรือเสีย กำไรหรือขาดทุน ขึ้นอยู่กับความรู้ และความสามารถของคุณ ว่าคุณรู้มากรู้น้อยแค่ไหน มองเห็นความเป็นไปของตลาด ถูกต้องหรือเปล่า  มีทักษะแค่ไหน รู้จักการวิเคราะห์ตลาดไหม ได้ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ที่มันมีผลหรือไม่ มีการบริหารหน้าตักหรือการจัดทางการเงินที่ดีไหม ความชำนาญในการวิเคราะห์แนวโน้มตลาดแม่นยำแค่ไหน. 

ไม่เป็นไรครับ ข้อมูลจะถูกเก็บไว้ที่ทางโบรกเกอร์ เมื่อเรากลับเข้ามาอีกที อาจจะ + เป็น 100 หรือ - เป็น 100 ก็ได้ตามราคาตลาดในตอนนั้น หรือแม้แต่เปิดทิ้งไว้จนถึงปิดตลาดเช้าวันเสาร์ พอวันจันทร์ตลาดเปิด ก็ยัง + - ไปตามราคาตลาดต่อไป จนกว่าเราจะสั่งปิดเอง หรือ ราคาชน Target หรือ ราคาชน Stop-Loss หรือ ถูก Margin Call เพราะ margin หมด

เป็นข้อตกลงระหว่างบุคคล 2 ฝ่าย ที่จะทำการแลกเปลี่ยนกระแสเงินสดในอนาคต เช่น
บริษัท ก. ซึ่งมีภาระดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราลอยตัว ต้องการแลกเปลี่ยนเป็นภาระดอกเบี้ยในอัตราคงที่กับบริษัท ข. ข้อตกลงเช่นนี้เรียกว่า Interest Rate Swap บริษัท ค. ซึ่งมีเงินกู้เป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ต้องการแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลบาทกับบริษัท ง. ข้อตกลงเช่นนี้เรียกว่า Currency Swap สำหรับในตลาด Forex นั้นบางโปรกเกอร์อาจคิดค่า Swap ผลอาจเป็นบวก หรือ ลบ กรณีถือออเดอร์ข้ามคืน
 

Target หรือ TP (Take Profit) คือเป้าหมายกำไรที่เราต้องการ ตรงข้ามกับ SL

- Buy (Long) Order เราจะได้กำไรเมื่อราคาปรับขึ้น เราอาจใช้แนวต้าน เป็นเป้าหมายทำกำไร เมื่อราคาขึ้นไปถึงจุดนั้น จะถูกขายออกโดยอัตโนมัติ

- Sell (Short) Order เราจะได้กำไรเมื่อราคาปรับลดลง เราอาจใช้แนวรับเป็นเป้าหมาย เมื่อราคาลงไปถึงจุดนั้น จะถูกปิดออเดอร์ โดยอัตโนมัติ

Stop Loss ปกติจะเห็นในห้องแชทพิมพ์ว่า SL (sl) คือจุดที่เรายอมขาดทุน ตรงข้ามกับ TP

- Buy (Long) Order ค่า Stop Loss จะตั้งไว้ต่ำกว่าราคาที่เราซื้อ ถ้าราคาลดลงไปถึงจุดที่กำหนด จะถูกปิดออเดอร์ทันที เพื่อตัดขาดทุน เช่น เราซื้อ EUR/USD ที่ราคา 1.3630 เรายอมขาดทุนได้ 30 จุด ก็ตั้ง SL ไว้ที่ 1.3600 ถ้าราคาไม่ขึ้นตามที่เราตั้งใจแต่กลับลดลงมาถึง 1.3600 เราก็จะขาดทุนเพียง 30 จุด ถ้าเราไม่ตัดขาดทุน ราคาอาจจะลดลงไปมากกว่านี้เยอะ

- Sell (Short) Order จะตั้ง Stop Loss ไว้สูงกว่าราคาที่เราเปิด Sell ถ้าราคาขึ้นไปถึงจุดนั้น จะถูกปิดโดยอัตโนมัติ


 Long คือ ซื้อไว้แล้วขาย หลักคือเราต้องซื้อไว้ที่ราคาถูกแล้วไปขายที่ราคาแพงกว่า เราก็จะได้กำไรจากส่วนต่าง ตอนเราเปิด Long ก็คือ ส่งคำสั่งซื้อ หรือ Send Buy Order ไปที่ Marketiva และจะเกิด Long Position ขึ้น

Short คือ ขายออกแล้วซื้อกลับ หลักคือเราขายออกไปก่อนที่ราคาสูง แล้วไปซื้อกลับคืนเมื่อราคาต่ำกว่า เราก็จะได้กำไรที่ส่วนต่าง ตอนเราเปิด Short ก็คือ ส่งคำสั่งขาย หรือ Send Sell Order ไปที่ Marketiva และจะเกิด Short Position ขึ้น

ตลาด Forex จะต่างจากตลาดหุ้น คือสามารถเทรดได้ทั้งสองทาง ทั้งซื้อและขาย เล่นได้ทั้ง ขาขึ้น และขาลง ตลาดหุ้นซื้อได้อย่างเดียว เล่นได้แต่ขาขึ้น ถ้าเป็นขาลงต้องนอนรออย่างเดียว

 Pip (Price Interest Point) หรือ Point (จุด) คือ ค่าต่ำสุดของราคา ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งก็คือจุดทศนิยมหลักสุดท้ายของราคานั่นเอง เช่น EUR/USD ราคาอยู่ที่ 1.3630 เมื่อราคาขึ้นไปเป็น 1.3631 หรือ USD/JPY ราคาอยู่ที่ 115.70 ขึ้นไปเป็น 115.71 ก็คือขึ้นไป 1 Pip หรือ 1 point

 คือวงเงินของเรา จะมี Available Margin= วงเงินคงเหลือที่ใช้ซื้อขายได้, Used Margin= วงเงินที่เราใช้ไป

สูตร >> Available Margin = เงินในบัญชี - Used Margin + Profit

สมมุติ เริ่มต้นเรามีเงิน $5 ยังไม่ได้เทรด Used Margin เป็น 0 เราก็จะมี Available Margin=5.0 ถ้าเราทำการเทรดซื้อ EUR/USD ไป $1 จะเกิด Used Margin=1.0 และเหลือ Available Margin เกือบ 4.0 (เนื่องจากถูกหักค่า Spread 2 pips เป็นค่าติดลบใน Profit) ถ้าราคาขึ้นไปจนเราได้กำไร +10 point เราจะได้ Profit=0.1 ค่า Available Margin จะเพิ่มเป็น 4.1 point ถ้าราคา + ขึ้นไปเรื่อยๆ เราจะได้ Available Margin เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ในทางกลับกัน ถ้าเราขาดทุน ค่า Profit จะติด - และ Available Margin เราจะลดลงแทน หากเราไม่ตัดขาดทุนจะลดลงไปเรื่อยๆ จน Margin เกือบหมดเราจะถูกปิดโดยอัตโนมัติ เรียกว่า Margin Call โดนไปทีแทบไม่เหลืออะไรเลย จึงควรรักษา Margin ไว้ให้ดี มีชัยไปกว่าครึ่งครับ